ค้นหาบล็อกนี้

11/3/62

จักรพรรดิฉงเจิน จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์หมิง




   สมเด็จพระจักรพรรดิฉงเจิน หรือพระนามเดิมว่า จู ยู่เจี้ยน ประสูติเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1610 เป็นพระราชโอรสของจักรพรรดิไท่ชางจักรพรรดิองค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์หมิง กับพระนางเสี่ยวชุ่นไทเฮา
ซึ่งในตอนที่พระองค์ยังเยาวว์วัยอยู่ ชีวิตในวังของพระองค์ก็ไม่ค่อยมีความสุขเท่าที่ควรจะมีในวัยเด็กของเขา เพราะตอนที่พระองค์มีพระชนม์มายุ 4 พรรษา จักรพรรดิไท่ชางได้ทำการสั่งประหารชีวิตแม่ของพระองค์โดยไม่ทราบสาเหตุ และหลุมศพของพระนางก็เป็นความลับอีก ทำให้ในตอนเด็กเขาต้องถูกเลี้ยงโดนนางสนมคนอื่นในวัง และเหล่าพี่น้องของพระองค์ที่มีพ่อคนเดียวกันก็ต้องมาเสียชีวิตก่อนจะถึงวัยอันควรเป็นจำนวนมาก ทำให้ชีวิตของพระองค์ในตอนเด็กนอกจากจะต้องสูญเสียแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับมาแล้วยังค่อนข้างที่จะโดดเดี่ยวและไม่ค่อยมีเพื่อนอีกต่างหาก แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบที่สุดของเขาก่อนที่ชีวิตที่เหลือของเขาจะเต็มไปด้วยปัญหา

  เมือ่พระองค์อายุ 10 พรรษา สมเด็จพระราชบิดาจักรพรรดิไท่ชางเสด็จสวรรคต ตำแหน่งรัชทายาทตกไปอยู่กับพีชายต่างมารดาของเขาอย่างจู หยูเจียวโดยเขาได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเทียนฉี่ และจากการสวรรคตของพระราชบิดานี้มันทำให้ชีวิตของพระองค์จากที่สงบสุขกลับต้องเผชิญความวุ่นวายจากทั้งในและนอกราชสำนัก จากปัญหาที่ทางราชวงศ์หมิงไม่สามารถแก้ไขได้นั่นก็คือ การทุจริตคอรัปชั่นของเหล่าขุนนางและการมีอำนาจของเหล่าขันทีที่ชอบทุจริต

 ในชีวิตของพระองค์ไม่ได้เป็นและไม่มีใครรวมถึงตัวเขาเองจะคิดหรอกว่าเขาจะได้เป็นฮ่องเต้ แม้แต่ตำแหน่งรัชทายาทก็ไม่ได้คิดด้วยซ้ำ เพราะจักรพรรดิเทียนฉีผู้เป็นพี่ของพระองค์ก็มีพระชนม์มายุไล่เลี่ยกัน แถมยังมีพลานามัยที่ค่อนข้างแข็งแรงอีก การสวรรคตของพระองค์ขณะวัยหนุ่มจึงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดกัน แต่หลังจากองค์จักรพรรดิครองราชย์ได้ 6 ปี พระองค์ก็สวรรคตอย่างกระทันหัน โดยไม่ได้แต่งตั้งใครที่เหมาะสมจะเป็นฮ่องเต่คนต่อไป และไม่มีรัชทายาทอีกด้วย บัลลังก์มังกรของราชวงศ์หมิงจึงตกไปอยูกับพระอนุชาของจักรพรรดินั่นก็คือ จู ยู่เจี้ยน ทำให้พระองค์ต้องขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเชษฐาในปี 1627 ด้วยวัย 17 พรรษา ขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิฉงเจินแห่งราชวงศ์หมิง ใช้รัชศกฉงเจิน (崇禎) นับเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 17 แห่ราชวงศ์หมิง

สมเด็จพระจักรพรรดิฉงเจิน จักรพรรดิองค์ที่ 17 ของราชวงศ์หมิง
 เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์มาปกครองแผ่นดินจีนต่อจากพระเชษฐา สถานการณ์ในตอนนั้นของราชวงศ์หมิงก็เปรียบเหมือนกับทีมฟุตบอลทีมหนึ่งที่กำลังตกชั้น และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ตกชั้นเลยก็ว่าได้ เพราะราชวงศ์ชิงเริ่มระส่ำระส่ายจากการทุจริตอย่างหนักของเหล่าขันทีและขุนนางมาตั้งแต่รัชกาลของจักรพรรดิไท่ชางพระราชบิดาของพระองค์ ต่อเลยมายันรัชกาลของพระองค์ก็ยังไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาให้หมดไปได้ อีกทั้งการปล่อยให้เหล่าขันทีขึ้นมามีอำนาจมากในรัชสมัยของจักรพรรดิเทียนฉีพระเชษฐาก็ยิ่งตอกย้ำความระส่ำระส่ายไปอีกจากการบริหารงานที่ผิดพลาดมากมาย โดยเฉพาะขันทีที่มีนามว่า เว่ย์ จงเสียน ขันทีคนสำคัญในสมัยของจักรพรรดิเทียนฉี ได้้ใส่ร้ายป้ายสีเหล่าขันทีและขุนนางคนอื่นๆ ในราชสำนัก จนเหล่าขุนนางได้ถูกจับกุมและประหารไปเยอะพอดู รวมถึงยังมีการผลักดันญาติโดโหติกาของเขา ขึ้นมามีอำนาจดำรงตำแหน่งต่างๆในราชสำนัก และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้คิดที่จะทำงานตามหน้าที่ของพวกเขา แต่กลับทุจริตอย่างหนักทั้งตระกูล แต่แค่ทุจริตมันยังไม่พอตระกูลนี้ยังกดขี่รีดไถจากประชาชนอีก ซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเริ่มมีใจออกห่างจากราชวงศ์หมิง และเกิดการกบฏขึ้นมากมายทั่วทั้งอาณาจักร

เว่ย์ จงเสียน ขันทีทรราช

 แต่เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ พระองค์เห็นว่าเว่ย์ จงเสียนเป็นบุคคลที่ทำให้ราชวงศ์หมิงระส่ำระส่าย และเป็นจุดบอดที่อาจทำให้ราชวงส์หมิงเริ่มระส่ำระส่าย จึงทำการปลดและเนรเทศเว่ย์ออกไปจากปักกิ่ง แต่เหล่าขุนนางก็ทัดทานพระองค์ว่าควรประหารชีวิตของขันทีทรราชซะ ซึ่งพระองค์ก็เช็คบิลย้อนหลังสั่งให้ตามตัวมาลงโทษ พอเรื่องมาถึงเว่ย์ เว่ย์ก็เลยตัดสินใจผูกคอฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากโดนราชสำนักทรมาน แต่คนในตระกูลคนอื่นๆก็ไม่รอดถูกกอนรากถอนโคนอย่างหนัก จนสิ้นอำนาจไปโดยปริยาย

  แต่ราชสำนักก็สงบสุขได้ไม่นาน เพราะจากการกระทำของเหล่าขันทีและขุนนางในยุคสมัยก่อนๆ มันทำให้ราชวงศ์หมิงตอนนั้นมันเละเทะไปโดยปริยาย ทำให้พระองค์ต้องทรงงานอย่างหนักเพื่อขจัดปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาภายในราชสำนักบางทีพระองค์ก็ทรงทรงานอย่างหนักมากจนอดหลับอดนอน แต่ก็สามารถเข้าร่วมประชุมขุนนางได้โดยไม่แสดงอาการง่วงออกมาเลย แต่อย่างไรก็ตามด้วยปัญหาภาระงานที่เยอะมากในตอนนั้น ทำให้พระองค์ทำแบบขายผ้าเอาหน้ารอด ทำยังไงก็ได้ให้งานมันสำเร็จลุล่วง ไม่ได้ลงลึกไปในเร่องใดเรื่องหนึ่งอย่างชัดเจน ทำให้แม้จะเสร็จไปงานหนึ่งแต่งานอื่นๆก็ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด จะแก้ยังไงก็ไม่มีวันแก้หมด

 นอกจากนี้ตลอดการทำงานขององค์จักรพรรดิ พระองค์ได้ทำการปลดอัครเสนาบดีที่มีอำนาจบริหารรองลงมากจากจักรพรรดิเป็นว่าเล่น โดยมีการปลดอัครเสนาบดีกว่า 50 คนในสมัยของเขา โดยที่บางคนเข้ามารับตำแหน่งเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ซึ่งส่วนมากที่ปลดออกก็เพราะความหวาดระแวงขององค์จักรพรรดิ ซึ่งหวาดระแวงถึงขนาดไม่เชื่อใจใครเลยซักคน ซึ่งนั่นก็เป็นผลให้เหล่าขุนนาง ขันที ทหาร ในช่วงนั้นก็หวัานว่าจะถูกปลดเหมือนกัน นอกจากนั้นการจะทำอะไรได้ของเหล่าขุนนางต้องได้รับอนุญาตจากองค์จักรพรรดิเสียก่อนถึงจะทำได้ ทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องของนโยบายในการแก้ปัญหา และการที่พระองค์มิได้ลงลึกไปในปัญหาใดปัญหาหนึ่งโดยเฉพาะก็ทำให้มีการรายงานเท็จ เพื่อให้พระองค์สบายใจ กว่าที่เหล่าขุนนางจะแจ้งไปยังองค์จักรพรรดิปัญหาเหล่านั้นก็ยากที่จะแก้เสียแล้ว



 แต่ใช้ว่าในรัชสมัยของพระองค์จะมีเพียงแค่การทุจริตภายในราชสำนักเท่านั้น เผ่าหนีเจิ้นหรือต่อมาภายหลังเรารู้จักกันในนามแมนจู ได้แข็งข้อขึ้นและทำตัวเป็นกบฏต่อราชสำนัก การแข็งข้อของเผ่าหนีเจิ้นนี่เป็นสิ่งที่หมิงไม่สามารถจะกำจัดไปได้เลย เพราะกองทัพหลายกองทัพของราชวงศ์หมิงที่ส่งไปปราบก็ถูกจัดการโดยเผ่าหนีเจิ้นภายใต้การนำของ นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ที่เป็นผู้รวมชนเผ่าหนีเจิ้นที่กระจายและมีหัวหน้าเผ่ามากมายเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งหลังจากเป็นฝ่ายตั้งรับดผ่าหนีเจิ้นก็เริ่มโจมตีจักรวรรดิหมิงจากทางตะวันออกเฉียงเหนือในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าแมนจูเรียซึ่งฝ่ายหมิงเสียท่าและโดนยึดเมืองแต่ละเมืองตามแนวชายแดนได้อย่างง่ายดาย

 อีกทั้งเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อนเพราะนอกจากภัยสงคราม ในสมัยของท่านยังเกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบอย่างร้าายแรงต่อระบบเศรฐกินของราชวงศ์หมิงนั่นก็คือ ยุคน้ำแข็งน้อย เป็นผลให้ระบบการปลูกข้าวหรือพืชพันธ์ต่างๆในตอนเหนือไม่ค่อยได้ พืชส่วนมากก็ล้มตายและฤดูหนาวก็รุนแรงขึ้น แต่กระนั้นราชสำนักก็ยังคงเรียกเก็ยภาษีเหมือนเดิม แถมภาษีนี้ก็ค่อนข้างที่จะสูงอีก ชาวบ้านไม่สามารถจะไหวและเห็นว่าไม่เป็นธรรม และนั่นทำให้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าหลี่ จื้อเฉิงได้โน้มน้าวให้เหล่าชาวบ้านหยิบอาวุธ และเข้าต่อต้านราชวงศ์หมิงเกิดเป็นกบฏชาวนาขึ้น ซึ่งชาวบ้านที่รวมไ้มีไม่ต่ำกว่าพันคนและมีที่ท่าว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากคนจีนหลายอาชีพที่ไม่พอใจต่อราชวงศ์หมิง ซึ่งเมื่อองค์จักรพรรดิทราบถึงเรื่องนี้ก็สั่งให้ทหารเข้าไปปราบกบฏให้ได้ โดยมีการเกณฑ์ทหารมามากมายเพื่อปราบกบฏแต่ทว่าการต่อสู้ตามเมืองต่างๆ ทหารจีนหมิงกลับพ่ายแพ้ บางส่วนจากการหนีทัพและการดำเนินแผนการรบที่ผิดพลาด ซึ่งเรื่องเหล่านี้องค์จักรพรรดิกลับไม่ทราบ และยังคงคิดว่ากองทัพหมิงเป็นฝ่ายกุมชัยชนะเอาไว้

 สองเดือนต่อมากองทัพของหลี่ จื้อเฉิงสามารถตีเมืองต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และนำกบฏชาวนาเข้ามาล้อมกรุงปักกิ่งอันเป็นราชธานีของจักรวรรดิหมิง คราวนี้แหละที่องค์จักรพรรดิฉงเจินได้ทราบความจริงถึงการทัพที่ทหารของพระองค์และกลุ่มกบฎชาวนาได้ทำกันมาตลอดระยะเวลาสองเดือน และกองทัพของพระองค์ที่มีอยู่ในราชธานีและทหารภายในวังก็คงไม่สามารถต่อกรกับกลุ่มกบฎชาวนาที่รายช้อมกรุงปักกิ่งได้ พระองค์จึงได้เรียกประชุมขุนนางเพื่อหวังแกปัญหาสุดท้ายอีกครั้ง แต่ว่าไม่มีเหล่าขุนนางมาเข้าร่วมประชุมเลย เมื่อเห็นว่าไม่มีทางรอดแล้วในรุ่งเช้าของวันที่ 25 เมษายน 1644 ในขณะที่เหล่ากลุ่มกบฏได้ล้อมกรุงปักกิ่งแทบจะทุกทาง พระองค์ได้เดินไปยังสวนที่อยู่ทางด้านหลังของพระราชวังต้องห้าม ก่อนจะผูกพระศอเข้ากับต้นไม้สวรรคตตรงนั้น เป็นอันจบชีวิตที่แสนรันทดของพระองค์ตลอด 15 ปีที่ครองราชย์ และเป็นกาลอวสารของราชวงศ์หมิงที่ปกครองพื้นแผ่นดินจีนมาตลอด 276 ปีในที่สุด

ต้นไม้ที่ตาดดว่าพรองค์ผูกพระศอปลิดชีวิตตัวเอง
 หลังจากที่พระองค์สวรรคต หลี่ จื่อเฉิง และกลุ่มกบฏชาวนาได้เข้ามาภายในกรุงปักกิ่ง สถาปนานราชวงศ์ซุ่น และปกครองจีนต่อจากราชวงศ์หมิง แต่ด้วยที่ว่าหลี่ จื้อเฉิงไม่ได้มีความรู้ในการปกครองมาก เมื่อขึ้นครองราชย์แล้ว ราชสำนักยังคงเผลิญกับการรุกรานของแมนจู ทำให้ในเวลาอีกไม่นานต่อมา ราชวงศ์ซุ่นก็ล่มสลาย และเข้าสู่การปกครองโดยราชวงศ์สุดท้ายของจักรวรรดิจีน อย่างราชวงศ์ชิงนั่นเอง

ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้ทำก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และสามารถช่วยเสริมความถูกต้องได้ในคอมเม้นต์นะครับ




ถ้าชอบบทความของเราอย่าลืมคอมเม้น กดติตตามหรือกดแชร์บทความของเรานะครับ




สนับสนุนผู้ทำบทความได้้ที่ TrueMoney Wallet 0642303213 (ขอขอบพระคุณมากครับ)

อ้างอิง
จักรพรรดิฉงเจิน(2562) จาก https://th.wikipedia.org
ขันทีเดอะซีรีส์ (ตอนจบ): สูงสุดคืนสู่สามัญ! วาระสุดท้ายของ ‘เว่ยจงเสียน’ ขันทีที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์(2560). จากhttps://www.spokedark.tvฃ
จักรพรรดิฉงเจิน เมื่อแพ้ .. ผูกพระศอพระองค์เองกับต้นไม้ อยู่ให้อายด้วยเสียศักดิ์ศรีทำไม(2553). จากhttps://www.bloggang.com
https://board.postjung.com
เพจ Facebook Asian Studies เอเชียศึกษา
Zhu Youjian - the Chongzhen Emperor จาก http://www.mingtombs.eu

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น