ค้นหาบล็อกนี้

18/4/62

ย้อนรอยโศกนาฏกรรมจากการสังหารหมู่ที่เว้


   ในสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นความขัดแย้งอย่างรุนแรงของชาวเวียดนามต่างอุดมการณ์กัน ชาวเวียดนามที่ควรจะอยู่บนพื้นแผ่นดินเดยวกันกลับถูกแย่งออกด้วยอุดมการณ์ของผู้นำทั้งสองฝ่าย เกิดเป็นคอมมิวนิสต์ในเวียดนามเหนือ และโลกเสรีในเวียดนามใต้
  ซึ่งการสู้รบของทั้งสองก็เกิดขึ้น โดยเริ่มแรกก็สู้กันตามชายแดน แต่อย่างไรก็ตามในช่วงการต่อสุ้ระลอกใหญ่ที่สุดครั้งนึงของสงครามเวียดนาม นั่นก็คือ การรุกตรุษญวน การต่อสู้ได้กระจายไปทั่วทั้งเวียดนามใต้โดยกลุ่มเวียดกง ซึ้งแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ว่าในการรุกตรุษญวนนี้ก็สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเอาไว้ให้กับเวียดนามใต้ทีเดียว

ทหารสหรัฐในเมืองเว้
  ซึ่งในช่วงการรุกตรุษญวนนั้น เว้ก็เป็นเมืองหนึ่งในการต่อสู้กันระหว่างทหารสหรัฐและทหารเวียดนามใต้ กับทหารของฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือและพวกเวียดกง แม้เว้จะเคยเป็นอดีตเมืองหลวงของจักรวรรดิเวียดนาม และเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิเวียดนาม และมีโบราณสถานที่ทรงคุณค่าต่อประวัติศาสตร์หลายแห่ง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นในวันที่ 30 มกราคม 1968 เมืองโบราณเมืองหนึ่งที่มีมรดกโลกมากมาย ต้องถูกเปลี่ยนเป็นสนามรบ สถานที่สำคัญต่างๆถูกทำลายไป ซึ่งการจู่โจมเมืองเว้ของฝ่ายเวียดนามเหนือในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นปฏิบัติการกองโจร ที่โจมตีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการยิงกันเปิดฉากในช่วงเช้ามืด และเข้าทำลายฐานสำคัญของเวียดนามใต้ได้อ่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม กองกำลังผสมของทั้งสหรัฐและเวียดนามใต้ก็สามารถตรึงกำลังสู้กับทหารโจรของฝ่ายเวียดกงและเวียดนามเหนือได้นานถึง 3 เดือน

ทหารของสหรัฐได้อพยพพลเรือนชาวเวียดนามใต้ออกจากโรงพยาบาลเมืองเว้
   ซึ่งฝ่ายของสหรัฐสามารถโอบล้อมเขตเมืองเว้ไว้ได้ ก่อนจะเริ่มปราบกลุ่มคอมมิวนิสต์เวียดกงที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆของเมืองและพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะส่งความช่วยเหลือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลำเลียงอาหาร ของใช้ เครื่องมือแพทย์เพื่อส่งไปช่วยเหลือประชาชนที่กำลังโกลาหลในสงคราม ซึ่งเหล่าทหารสหรัฐและเวียดนามใต้ยังได้ลำเลียงพลเรือนผู้บริสุทธิ์ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย ก่อนที่เว้จะกลับมาสู้อ้อมอกของทางเวียดนามใต้อีกครั้ง หลังการหยุดยิงจากการที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดกงและเวียดนามเหนือถอยร่นออกจากเมืองไปแล้ว ในวันที่ 3 มีนาคม 1968

  ในตอนแรกหลังการต่อสู้สิ้นสุดลง มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก ประชาชนยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่กับการต่อสู้ที่พึ่งสิ้นสุดลง ผู้คนจำนวนไม่น้อยเข้ารับการรักษาทั้งด้านร่างกายและจิตใจจากทีมงานแพทย์ที่ทางเวียดนามใต้ส่งไปช่วยเหลือเหล่าพลเรือน ซึ่งในตอนแรกมันก็ไม่มีอะไรมากเป็นเหมือนหลังการต่อสู้ทั่วๆไป แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทหารบางส่วนได้กลิ่นเหม็นคละคุ้งบริเวณที่โรงเรียนมัธยม Gia Hoi ซึง ณ ที่แห่งนั้น บริเวรใต้ดินของสนามโรงเรียนทหารได้พบกับศพของพลเรือนชาวเวียดนามที่ถูกพวกคอมมิวนิสต์เวียดกงสังหารอย่างโหดเหี้ยม และเอาศพเหล่านี้มาฝังซ่อนเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐาน ซึ่งเมื่อมีการขุดเอาศพเหล่านี้ขึ้นมาพบว่า มีศพผู้เสียชีวิตมากกว่า 170 ศพ

 นอกจากนั้นยังเริ่มมีหลักฐาน บันทึกของชาวเวียดนามและคำให้การของทหารเวียดกงที่จับเป็นเชลยศึกได้ โดยพวกเขาได้บอกว่า ได้มีการสังหารพลเรือนชาวเวียดนามใต้ภายในเว้ไปหลายพันคน โดยผู้คนที่ถูกลักพาตัวไปฆ่ามีตั้งแต่ คนแก่ไปจนเด็กทารก เป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งผู้คนเหล่านั้นบางคนก็ถูกฆ่าตายไปเลย บางคนถูกทรมานก่อนจะฆ่า หรือบางคนก็ถูกฝังท้งเป็น ซึ่งจากคำให้การของเชลยศึกและหลักฐานที่ทหารพบ ที่พวกทหารเวียดกงและเวียดนามเหนือทำคงเพื่อเป็นการลางบางสถานะชนชั้นทางสังคมที่มีมานานภายในเมืองเว้ให้หมดไป และพยายามเปลี่ยนผู้คนในเมืองให้เป็นคอมมิวนิสต์

 หลังจากนั้นทั้งทหารและพลเรือนบางส่วนที่ยังพอมีแรงเหลืออยู่ก็ต่างพากันออกหาสถานที่ที่ฝ่ายเวียดกงมาทิ้งศพเอาไว้ ซึ่งในเวลาไม่นานมีการพบที่ทิ้งศพของฝ่ายคอมมิวนิสต์ต่างๆกว่า 18 แห่ง ตามตำบลต่างๆ ภายในเว้ ซึ่งมียอดรวมของศพอยู่ที่ 3000 กว่าศพ ซึ่งศพบางรายก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ซึ่งอาจว่าเขาอาจจะโดนทรมานเจียนตายมาแล้วก็มาถูกฝังทั้งเป็นจนตาย

 แต่การค้นพบหลุมศพครั้งสำคัญที่สุดครั้งนึง คือการพบศพที่ถูกฝังอยู่ในเนินทรายที่ตำบล Phu Thu และ Huong Thuy ซึ่งที่นั่นมีการพบศพถูกฝังเพิ่มอีกกว่า 500 ราย ซึ่งพบจากกลิ่นศพที่เริ่มคละคลุ้งไปตลอดพื้นที่ ซึ่งในการขุดศพเหล่านี้ขึ้นมานั้น ประธานาธิบดีเวียดนามใต้เหงียน วัน เทียว ได้มายังเว้เพื่อกล่าวแสดงความเสียใจ และกล่าวประณามการกระทำของฝ่ายคอมมิวนิสต์ ว่าโหดร้ายต่อเพื่อนร่วมสัญชาติ

ประธานาธิบดีเวียดนามใต้เหงียน วัน เทียว
กล่าวไว้อาลัยผุ้เสียชีวิตและกล่าวประณามการกระทำของเวียดนามเหนือ
   ซึ่งการสังหารหมู่ที่เว้ เวียดนามใต้ต้องสูญเสียคนไปกว่า 6000 คนจากการสังหารหมู่ ซึ่งยังไม่รู้เลยว่า ขุดค้นศพขึ้นมาหมดแล้วหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม การสังหารหมู่ในคราวนี้ไม่ได้โด่งดังนัก อีกทั้งยังไม่มีการประกาศข่าวจากสำนักข่าวสหรัฐหรือประเทศอื่นๆ การปิดเงียบของข่าวนี้ทำให้ชาวสหรัฐและชาวโลกไม่ทราบถึงเหตุการณ์นี้ในเวียดนาม ซึ่งเหตุการณ์นี้เพิ่งมารื้อฟื้นและได้รับความสนใจจากชาวโลกหลังสงครามเวียดนามจบไปได้แล้วนานหลายปี และแม้สงครามเวียดนามจะจบลงไปนานแล้วก็ตาม ผู้คนในเว้บางส่วนก็ยังคงโกรธแค้นต่อผู้ที่กระทำที่เป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่สามารถทำอะไรกับบุคคลเหล่านั้นได้เลยเพราะผู้ที่ชนะคือผู้ที่เขียนประวัติศาสตร์ แม้งานลำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตทางรัฐบาลก็ไม่แม้แต่จะจัด และนี้ก็ยังคงเป็นบาดแผลลึกที่ยังคงตราตรึงชาวเว้ แบบไม่มีวันลิม

ภาพหลังการพบศพพลเรือน














ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้ทำก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และสามารถช่วยเสริมความถูกต้องได้ในคอมเม้นต์นะครับ




ถ้าชอบบทความของเราอย่าลืมคอมเม้น กดติตตามหรือกดแชร์บทความของเรานะครับ




สนับสนุนผู้ทำบทความได้้ที่ TrueMoney Wallet 0642303213 (ขอขอบพระคุณมากครับ)

อ้างอิง
Hue Massacre , Tet 1968. จากhttp://ngothelinh.tripod.com/Hue.html
Learning From the Hue Massacre. จากhttps://www.nytimes.com
เพจ Facebook ประวัติศาสตร์สงครามเย็น สงครามตัวแทน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น