ค้นหาบล็อกนี้

1/2/62

PM 2.5 ในปักกิ่ง กับการแก้ปัญหาของ สี จิ้น ผิง

      จากข่าวดังในตอนนี้ ที่กรุงเทพมหานครมีค่าฝุ่นละออง pm 2.5 เยอะติด Top 5 ของโลก และรัฐบาลได้ออกมากล่าวให้ประชาชนใส่หน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่นละออง pm 2.5 ที่กำลังมีมากขึ้น ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้ทางเราขอเสนอเรื่องมลภาวะและฝุ่นละอองที่เคยเกิดขึ้นในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และการแก้ปัญหาของเขามาให้ทราบกัน ถ้าพร้อมแล้วติดตามอ่านได้ต่อจากนี้เลยครับ




     หลังนโยบายปฏิรูปของเติ้ง เสี่ยวผิง ทำให้จีนเริ่มพัฒนาตัวขึ้นอีกครั้ง มีการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ มากมายทั่วปักกิ่งและมณฑลอื่นๆของจีน เพื่อพัฒนาจีนสู่ความเจริญและทันสมัยในสมัยนั้น ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีปัญหาฝุ่นควันที่สูงหรือมลภาวะทางอากาศที่รุนแรงเท่าตอนนี้

จนกระทั่งในปี 2008 ค่ามลภาวะในกรุงปักกิ่งและเมืองโดยรอบ เพิ่มขึ้นสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ รัฐบาลคอมมิวนิสต์ของ หู จิ่นเทา พยายามแก้ปัญหาในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาอย่างจริงจังและอ้างว่าเป็นปัญหาชั่วคราว รออีกซีกพักฝุ่นควันเหล่านี้ก็จะถูกลมพัดพาไปเอง รวมถึงการปิดข่าวและปิดกั้นการค้นหาพิษสงของฝุ่นพิษอีก ต่างๆนานา จนปักกิ่งติดอันดับเมืองที่ฝุ่นละอองเยอะที่สุดจากกว่า 1000 เมืองอีกด้วย



ซึ่งที่มาของฝุ่นละอองเหล่านี้นั้นก็มาจากหลายสาเหตุ หลายปัจจัย ซึ่งขขอสรุปคร่าวๆ ก็คือ
- ควันจากโรงงานต่างๆ ในกรุงปักกิ่งและมณฑลเหอเป่ย์ ที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่และสำคัญของจีน ที่ปล่อยควันพิษขึ้นสูู่ชั้นบรรยากาศ
- ควันเสียจากรถยนต์ดีเซล ที่พลุกพล่านในเมืองหลวงอย่างปักกิ่ง
- การเผาฟางตามชานขอบชองมณฑลและปักกิ่ง ก็เป็นหนึ่งในส่วนที่ทำให้เกิดฝุ่นพิษด้วยเช่นกัน
- การก่อสร้าง และพัฒนาโครงการต่างๆ ในตัวเมองปักกิ่ง
นอกจากนี้สภาพภูมิประเทศก็มีผลเช่นกัน เพราะปักกิ่งเป็นเมืองที่มีภูเขารายล้อม ลมก็ไม่ค่อยมีมากทำให้ควันฝุ่นไม่สามารถออกไปจากตัวเมืองได้ อีกทั้งมีฤดูหนาวที่นานทำให้ไม่ค่อยมีฝนหรือลมที่จะพัดฝุ่นออกไป อีกทั้งด้วยสภาพภูมืประเทศอาจจะพาฝุ่นจากที่อื่นเข้าตัวเมืองก็ได้


ด้วยฝุ่นละอองที่มีมากขึ้นทั่วบริเวณปักกิ่งและส่วนต่างๆโดยรอบ ทำให้ผู้คนแห่กันมาซื้อหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละออง pm 2.5 ได้ ถ้าเป็นคนที่รวยกว่าหน่อย ก็จะซื้ออากาศบริสุทธิ์อัดกระป๋องจากต่างประเทศเข้ามา แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายลง ทำให้หลีกไม่ได้เลยที่จะมีผู้เสียชีวิต โดยมีผุ้เสียชีวิตจากฝุ่นควันไม่ต่ำกว่า 100 คน และดุเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สำนักข่าวใหญ่ๆ เริ่มที่จะแผยแพร่โทษของฝุ่นละออง และเรียกร้องต่างๆนานา ให้รัฐบาลจีนเร่งแก้ไขปัญหามลพิษภายในจีนให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม

สี จิ้นผิง ปธน.และผู้นำคอมมิวนิสต์จีน
 รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาให้เด็ดขาดได้ จนกระทั่ง สี จิ้นผิง ขึ้นมาเป็นผู้นำของจีนแผ่นดินใหญ่ เขาสั่งให้แก้ปัญหามลภาวะทางอากาศที่จีนกำลังประสบภัยอยู่ให้เด็ดขาดโดยไม่มีข้อแม้ นำไปสู่การควบคุมอย่างเข้มงวดในเรื่องต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นอันตรายของผู้คนในประเทศ
โดยการแก้ไขของสี จิ้นผิง นั้นก็มี
- รัฐบาลสั่งปิดโรงงานทุกโรงงานในมณฑลเหอเป่ยและในตัวเมืองปักกิ่งทั้งหมด เพื่อขจัดควันพิษที่โรงงานปล่อยออกมา
- ควบคุมการซื้อรถ และการใช้รถในเมืองหลวง โดยให้ทะเบียนรถเป็นตัวกำหนดในการขับขี่ในปักกิ่ง
วันจันทร์ รถที่มีป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลข5,0 ห้ามขับ
วันอังคาร รถที่มีป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลข1,6 ห้ามขับ
วันพุธ รถที่มีป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลข2,7 ห้ามขับ
วันพฤหัสฯ รถที่มีป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลข3,8 ห้ามขับ
วันศุกร์ รถที่มีป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลข4,9 ห้ามขับ
ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์และวันหยุดสำคัญต่างๆ ไม่จำกัดรถ วิ่งได้ทุกคัน ทุกหมายเลข
- ควบคุมการทำงานก่อสร้างสิ่งต่างๆ ในปักกิ่ง
- ปรับปรุงค่าโดยสาร และสิ่งอำนวยความสะดวกของการบริการขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้า รถเมล์ ให้ครอบคุมและสะดวกกับประชาชนให้มากที่สุด
- ให้ประชาชนหันมาใช้จักรยานในเมืองหลวง เพื่อป้องกันการเกิดฝุ่นละออง ซึ่งมีการจัดตั้งธุรกิจต่างๆเกี่ยวกับจักรยานในกรุงปักกิ่งจำนวนมาก
- ศาลสามารถตัดสินปรับเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ก็ได้กับคนหรือองค์การที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
-ปรับปรุงกฎหมายสิ่งแวดล้อมให้รุนแรงขึ้น
-ตั้งเครื่องกรองอากาศในหลายๆ พื้นที่ของเมือง


   ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี กรุงปักกิ่งมีสภาพอากาศที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท้องฟ้าปลอดโปล่งขึ้น และไม่ค่อยมีฝุ่นละอองเท่าเมื่อก่อน  การควบคุมและจัดการปัญหามลพิษของจีนในครั้งนี้ประสบควาสำเร็จอย่างไม่มีข้อกังขาเลย แม้จีนจะต้องทุ่มเงินเป็นจำนวนมหาสารในการแก้ปัญหาของประชาชน แต่ความปลอดภัยและความสุขของชาวจีนต้องมาเป็นอันดับแรก



   ความสำเร็จในการแก้ปัญหาในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลจีนหรือสี จิ้นผิงอย่างเดียว แต่ประสบความสำเร็จได้เพราะความร่วมมือในการทำตามที่รัฐบาลออกนโยบายเพื่อแก้ปัญหาขอองชาวจีนทุกคน เพราะฉะนั้นก่อนจะบอกคนอื่นไม่รักษาสิ่งแวดล้อม ควรดูตัวเราก่อนว่าเราดูแลหรือทำลายสิ่งแวดล้อมกันแน่

ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้ทำก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และสามารถช่วยเสริมความถูกต้องได้ในคอมเม้นต์นะครับ





ถ้าชอบบทความของเราอย่าลืมคอมเม้น กดติตตามหรือกดแชร์บทความของเรานะครับ





สนับสนุนผู้ทำบทความได้้ที่ TrueMoney Wallet 0642303213 (ขอขอบพระคุณมากครับ)

อ้างอิง
ปัญหาหมอกควันในกรุงปักกิ่ง(2018). จากhttps://thebeauhlinglings.wordpress.com
อากาศกรุงปักกิ่งได้มาตรฐานคุณภาพครั้งแรก ค่าฝุ่น PM2.5 ลดกว่า 70% จากปีที่แล้ว หลังรัฐคุมเข้มมลพิษ(2018). จากhttps://thestandard.co
ปักกิ่งบรรลุเป้าหมายการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ(2018). จากhttps://www.thaibizchina.com
A decade of battle against PM2.5 in Beijing. จากhttps://journals.sagepub.com
ผลสำรวจระบุ “ปักกิ่ง” ติดท็อป 10 เมืองอากาศแย่(2011). จากhttps://mgronline.com
เพจ Facebook : China Report ASEAN - Thailand


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น