สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นเป็นสงครามใหญ่ครั้งแรกในศตวรรษที่ 20 เป็นการรบกันระหว่างจักรวรรดิรัสเซียที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุดในโลก และจักรวรรดิญี่ปุ่นที่แสนยานุภาพทางทะเลเป็นอันดัยต้นๆของโลก วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันว่า ทำไมญี่ปุ่นถึงเปิดศึกการรบกับรัสเซียที่เป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกในตอนนั้นกัน (ปล.การวิเคราะห์นี้ทั้งหมดเป็นข้อคิดเห็นของผมเอง ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย)
1. การพัฒนาอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่น
คงจะไม่บอกไม่ได้เลยว่าญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 19 หลังการล้มระบอบโชกุน และคืนอำนาจให้กับจักรพรรดิได้ ญี่ปุ่นพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งมากกว่าอาณาจักรรอบข้างอย่างเกาหลีหรือจีน ที่อ่อนแอลง และกำลังถูกรุกรานโดยชาติมหาอำนาจตะวันตกซะอีก การพัฒนาของญี่ปุ่นพัฒนาในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทหาร หารเมือง เศรษกิจ ความสัมพันธ์ทางการทูตและอิทธิพลในภูมิภาค โดยซึ่งที่ทำให้เรารู้ว่่าการพัฒนานี้ประสบความสำเร็จก็คือ ชัยชนะของญี่ปุ่นที่มีเหนือจีนซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าอย่างขาดลอย ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วไปในพริบตาหลังจากนั้น และก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาอำนาจในเอเชียและโลกหลังจากการทำสงครามกับรัสเซีย
2. ความอ่อนแอของจักรวรรดิรัสเซีย
ในขณะที่ญี่ปุ่นพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทางด้านรัสเซียกลับกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ จากความกว้างใหญ่ของจักรวรรดิที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้การดูแลประชาชนตามที่ต่างๆ ไม่ทั่วถึง รวมถึงปัญหาความอดอยากที่เริ่มมีในรัสเซียอีกด้วย นอกจากนี้กระแสการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็เริ่มมีมากขึ้น กลุ่มกบฏต่างๆเริ่มตั้งตัวและวางแผนก่อการ และการปฏิรูปประเทศก็ยังไปไม่ถึงไหน
3.แมนจูเรีย เกาหลี พอร์ตอาเธอร์
ทั้งสามดินแดนที่กล่าวมาข้างตน เป็นปัจจัยสำคัญที่นำทั้งญี่ปุ่นและรัสเซียเข้าสู่สงคราม เพราะหลังการรุกรานจีนในช่วงกบฏนักมวย ที่เรารู้จักกันในนามพันธมิตร 8 ชาติ เป็นผลให้รัสเซียพยายามเข้าครอบครองเมืองท่าของจีนที่มีนามว่า พอร์ตอาเธอร์รวมถึงต้องการกรรมสิทธิ์ในการสร้างรางรถไฟสายทรานส์ -ไซบีเรียในเขตแมนจูเรียอีกด้วย ในขณะอีกด้านญี่ปุ่นพยายามเข้าครอบครองเกาหลีหลังมีชัยเหนือจีนในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ซึ่งจากการกระทำของทั้งสองจักรวรรดินำมาสู่การเกร็งกันเรื่องดินแดน เพราะญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกันให้รัสเซียเข้ามามีบทบาทในดินแดนที่ใกล้กับเกาหลี อย่างแมนจูเรีย และ พอร์ตอาเธอร์ ทางอีกฝ่ายหนึ่งรัสเซียก็ไม่ต้องการให้ญี่ปุ่นเข้าครอบครองเกาหลีอย่างเป็นทางการในฐานะอาณานิคม และกลัวว่าญี่ปุ่นจะทำการบุกเข้าสู่พื้นที่กว้างขวางทางตอนเหนืออีก จากการที่กล่าวมาทำให้ทั้งสามดินแดนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและญี่ปุ่นแย่ลงอีก
4.การเจรจาที่ล้มเหลว
จากข้อ 3 ปัญหาข้อพิพาทเรื่องพื้นที่นำไปสู่การเจรจากันระหว่างรัสเซียและญี่ปุ่น การเจรจาเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางปี 1903 โดยการเจรจานี้ญี่ปุ่นพยายามจะครอบงำเกาหลีและรัสเซียสามารถเข้าครอบงำแมนจูเรียได้เช่นเดียวกัน แต่ทางรัสเซียไม่ได้ยอมรับการอธิบายของญี่ปุ่นครั้งนี้และแย้งถึงเรื่องการปกครองเกาหลีของญี่ปุ่น เป็นผลทำให้การเสนอครั้งนี้ไม่เป็นผลนำไปสู่การเจรจาต่อมาอีก 4 เดือนกว่า แต่ก็ยังหาข้อยุติถึงเรื่องพิพาทนี้ไม่ได้เลย
(มีอะไรเสริม ช่วยเสริมกันได้ในคอมเม้นนะครับ)
1. การพัฒนาอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่น
คงจะไม่บอกไม่ได้เลยว่าญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 19 หลังการล้มระบอบโชกุน และคืนอำนาจให้กับจักรพรรดิได้ ญี่ปุ่นพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งมากกว่าอาณาจักรรอบข้างอย่างเกาหลีหรือจีน ที่อ่อนแอลง และกำลังถูกรุกรานโดยชาติมหาอำนาจตะวันตกซะอีก การพัฒนาของญี่ปุ่นพัฒนาในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทหาร หารเมือง เศรษกิจ ความสัมพันธ์ทางการทูตและอิทธิพลในภูมิภาค โดยซึ่งที่ทำให้เรารู้ว่่าการพัฒนานี้ประสบความสำเร็จก็คือ ชัยชนะของญี่ปุ่นที่มีเหนือจีนซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าอย่างขาดลอย ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วไปในพริบตาหลังจากนั้น และก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาอำนาจในเอเชียและโลกหลังจากการทำสงครามกับรัสเซีย
2. ความอ่อนแอของจักรวรรดิรัสเซีย
ในขณะที่ญี่ปุ่นพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทางด้านรัสเซียกลับกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ จากความกว้างใหญ่ของจักรวรรดิที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้การดูแลประชาชนตามที่ต่างๆ ไม่ทั่วถึง รวมถึงปัญหาความอดอยากที่เริ่มมีในรัสเซียอีกด้วย นอกจากนี้กระแสการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็เริ่มมีมากขึ้น กลุ่มกบฏต่างๆเริ่มตั้งตัวและวางแผนก่อการ และการปฏิรูปประเทศก็ยังไปไม่ถึงไหน
3.แมนจูเรีย เกาหลี พอร์ตอาเธอร์
ทั้งสามดินแดนที่กล่าวมาข้างตน เป็นปัจจัยสำคัญที่นำทั้งญี่ปุ่นและรัสเซียเข้าสู่สงคราม เพราะหลังการรุกรานจีนในช่วงกบฏนักมวย ที่เรารู้จักกันในนามพันธมิตร 8 ชาติ เป็นผลให้รัสเซียพยายามเข้าครอบครองเมืองท่าของจีนที่มีนามว่า พอร์ตอาเธอร์รวมถึงต้องการกรรมสิทธิ์ในการสร้างรางรถไฟสายทรานส์ -ไซบีเรียในเขตแมนจูเรียอีกด้วย ในขณะอีกด้านญี่ปุ่นพยายามเข้าครอบครองเกาหลีหลังมีชัยเหนือจีนในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ซึ่งจากการกระทำของทั้งสองจักรวรรดินำมาสู่การเกร็งกันเรื่องดินแดน เพราะญี่ปุ่นก็ไม่ต้องกันให้รัสเซียเข้ามามีบทบาทในดินแดนที่ใกล้กับเกาหลี อย่างแมนจูเรีย และ พอร์ตอาเธอร์ ทางอีกฝ่ายหนึ่งรัสเซียก็ไม่ต้องการให้ญี่ปุ่นเข้าครอบครองเกาหลีอย่างเป็นทางการในฐานะอาณานิคม และกลัวว่าญี่ปุ่นจะทำการบุกเข้าสู่พื้นที่กว้างขวางทางตอนเหนืออีก จากการที่กล่าวมาทำให้ทั้งสามดินแดนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและญี่ปุ่นแย่ลงอีก
4.การเจรจาที่ล้มเหลว
จากข้อ 3 ปัญหาข้อพิพาทเรื่องพื้นที่นำไปสู่การเจรจากันระหว่างรัสเซียและญี่ปุ่น การเจรจาเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางปี 1903 โดยการเจรจานี้ญี่ปุ่นพยายามจะครอบงำเกาหลีและรัสเซียสามารถเข้าครอบงำแมนจูเรียได้เช่นเดียวกัน แต่ทางรัสเซียไม่ได้ยอมรับการอธิบายของญี่ปุ่นครั้งนี้และแย้งถึงเรื่องการปกครองเกาหลีของญี่ปุ่น เป็นผลทำให้การเสนอครั้งนี้ไม่เป็นผลนำไปสู่การเจรจาต่อมาอีก 4 เดือนกว่า แต่ก็ยังหาข้อยุติถึงเรื่องพิพาทนี้ไม่ได้เลย
(มีอะไรเสริม ช่วยเสริมกันได้ในคอมเม้นนะครับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น