ค้นหาบล็อกนี้

22/7/62

เมื่อสปุตนิคขึ้นสู่อวกาศ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติครั้งใหญ่

     หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วนั้น เหล่าชาติมหาอำนาจใหม่ในตอนนั้นอันประกอบไปด้วย สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ต่างแข่งขันกันในทุกๆด้าน และอีกหนึ่งสมรภูมิสำคัญในศึกตัวแทนของทั้งสองฝ่ายนั้นก็ไม่ได้จำกัดแค่ำารสู้รบสงครามบนพื้นโลกเท่านั้น แต่บนฟากฟ้าที่เป็นอวกาศอันแสนมืดมิดก็เป็นอีกหนึ่งการต่อสู้สำคัญของทั้งสองมหาอำนาจอีกด้วย


หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตร ทางด้านมหาอำนาจใหม่อย่างสหรับอเมริกา ได้นำตัวของวอน บราวน์ วิศวกรผู้สร้างจรวด V-2 อันสร้างชื่อให้แก่เขาในตอนที่ยังทำงานให้กับนาซีเยอรมันไปร่วมทำโครงการพัฒนาจรวดให้อเมริกา ซึ่งการได้ตัวของวอน บราวน์ไปนั้นเป็นเหมือนกับการส่งเสริมตัววอน บราวน์ให้สามารถพัฒนาจรวดต่อให้สำเร็จ และส่งอเมริกาให้นั่งแท่นเป็นมหาอำนาจทางด้านวิศวกรรมอวกาศอีกด้วย


  การได้สหรัฐไดตัวของวอน บราวน์ไป ทำให้อำนาจในการสร้างเทคโนโลยีด้านจรวดจะไปผูกขาดอยุ่กับอเมริกา สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้โซเวียตในฐานะคู่สงครามของสงครามเย็นยอมไม่ได้ และพยายามไปหาตัวคนที่จะสามารถมาพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศแข่งกับทางฝ่ายสหรัฐได้ ผลก็คือทางโซเวียตได้นำตัว เซอร์เกย์ คาราลอฟ ชายที่โดนจับในข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหภาพโซเวียตมากว่า 6 ปี แต่ด้วยความสามารถของเขาทำให้เขาถูกปล่อยตัวออกมาชั่วคราว เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของโซเวียตให้พัฒนาพร้อมกับอเมริกาได้

 เซอร์เกย์ คาราลอฟ
   แม้คนที่ได้ตัววอน บราวน์ไปจะเป็นอเมริกา ซึ่งน่าจะเป็นฝ่ายที่ทันสมัยกว่า แต่อย่างไรก็ตามด้วยการล้มลุกคลุกคลานของคาราลอฟ ผลคือฝ่ายโซเวียตเป็นฝ่ายที่สามารถทำผลงานได้ดีกว่าฝ่ายของสหรัฐอย่างมาก ซึ่งผลนั้นได้แสดงออกมาอย่างประจักษ์ต่อคนทั่วโลก จากการที่สปุตนิค 1 ที่เป็นของโซเวียตได้ขึ้นสู่อวกาศจนกลายเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลก แซงหน้าอเมริกาที่กำลังรีบพัฒนาดาวเทียมเอ็กพลอเลอร์อยู่ ซึ่งการที่ดาวเทียมสปุตินคถูกส่งไปยังอวกาศนั้นเป็นสิ่งที่แสดงถึงจุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งอวกาศและวิกฤติความขัดแย้งด้านอวกาศเช่นเดียวกัน

ดาวเทียมสปุตนิค 1 ดาวเทียมดวงแรกของโลก
  ซึ่งการที่ดาวเทียมสปุตนิคถูกส่งขึ้นไปโคจรบนอวกาศนั้น ได้สร้างความตื่นตัวให้กับอเมริกาเป็นอย่างมาก เพราะอเมริกากำลังเสียเปรียบด้านอวกาศเนื่องจากโซเวียตนำไปก่อนแล้ว 1 ก้าว ส่งผลให้ทางอเมริกาต้องรีบทำทุกวิถีทางเพื่อชิงความเป็นมือนำกลับคืนมา อาทิ
* การก่อตั้งองค์กร Nasa ในปี 1958 โดยประธานาธิบดีสหรัฐ ดไวท์ ดี. ไอเซนฮาวร์ เพื่อไม่ให้เป็นต่อโซเวียตไปมากกว่านี้ พร้อมกับการเริ่มต้นโปรเจคเมอร์คิวรีด้วย
* สหรัฐเริ่มโปรยงบใส่หน่วยงานที่ทำงานด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น หลังเมื่อก่อนจะให้ความสำคัญแก่ทหาร แต่ในขณะที่เป็นต่อทางด้านเทคโนโลยี การเพิ่มงบให้กับหน่วยงานทางด้านวิทยาศาสตร์จึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่น มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือ NSF ได้ถูกเพิ่มงบเป็น 134 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ก่อนจะมาปรับเพิ่มเป็น 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ในช่วงตั้งแต่ปี 1968 เป็นต้นไป
* สหรัฐเพิ่มหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ใหม่ในการศึกษา เพื่อส่งเสริมให้เด็กสนใจประดิษฐ์ทดลองด้านวิทยศาสตร์มากขึ้น

จะเห็นได้เลยว่า การที่โซเวียตส่งสปุตนิคขึ้นไปสู่อวกาศ ได้นำไปสู่การเปิดโลกทางด้านวิทยาศาตร์ และการสู้รบกันด้วยเทคโนโลยี ว่าใครจะทำสำเร็จมากกว่ากัน อย่างสหรัฐที่ไม่อยากให้โซเวียตอยู่เหนือกว่าตน ก็ทำทุกวิถีทางในการพัฒนาเทคโนโลยีของตนจนเหนือกว่าในตอนสุดท้ายได้ เมื่ออพอลลโล่ 11 ลงจอดบนดวงจันทน์ และ นีล อามสตอร์งกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่เหยียบบนดวงจันทร์ก็ถือเป้นจุดสิ้นสุดของวิกฤติการณ์อวกาศที่สำคัญที่สุดครั้งนึงของโลกเลย

ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้ทำก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และสามารถช่วยเสริมความถูกต้องได้ในคอมเม้นต์นะครับ



ถ้าชอบบทความของเราอย่าลืมคอมเม้น กดติตตามหรือกดแชร์บทความของเรานะครับ



สนับสนุนผู้ทำบทความได้้ที่ TrueMoney Wallet 0642303213 (ขอขอบพระคุณมากครับ)

อ้างอิง
ประวัติศาสตร์จรวด อาวุธสังหารสู่สะพานเชื่อมดวงดาว(2561). จากhttps://spaceth.co
Sputnik crisis(2562). จาก https://en.wikipedia.org
Sputnik crisis. จากhttps://www.academickids.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น