21/9/61

จักรพรรดิเสียนเฟิง จักรพรรดิแห่งยุคความแตกแยก



   
จักรพรรดิเสียนเฟิงเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ชิงของจักรวรรดิจีน เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของจักรพรรดิเต้ากวง จักรพรรดิพระองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ชิงกับ สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวชวนเฉิง พระองค์มีพระนามเดิมว่า "อ้ายซินเจว๋หลัว อี้จู่"หรือองค์ชาย "อี้จู่" ประสูติเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 1831 ณ พระราชวังต้องห้าม ว่ากันว่าพระองค์มีสุขภาพพลานามัยที่ไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้พระองค์ประชวรบ่อยและอ่อนแอมาตั้งแต่เยาว์วัย 
      
    หลังจากที่จักรพรรดิเต้ากวงเสด็จสวรรคตไปเมื่อปี 1850 องค์ชายอี้จู่ได้รับเลือกให้เป็นจักรพรรดิองค์ถัดไป โดยพระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิจีนในวันที่ 9 มีนาคม 1850 ขณะที่พระองค์มีพระชนม์มายุแค่เพียง 19 พรรษา โดยใช้พระนามสมเด็จพระจักรพรรดิชิงเหวินจง รัชศกเสียนเฟิง แต่คนไทยเราจะเรียกพระองค์ว่า สมเด็จพระเจ้าฮำหอง


พระบรมสาทิสลักษณ์ของจักรพรรดิเสียนเฟิง
      ในรัชสมัยของพระองค์ หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว สภาพบ้านเมืองและเศรฐกิจของจีนย่ำแย่มาก จากความพ่ายแพ้ของจีนในสงครามฝิ่น และการถูกกดดันและความเสียปราบทางการค้าจากสนธิสัญญานานกิง จีนแทบจะล้มละลายแล้ว นอกจากนี้ประชาชนของจีนส่วนมากยังติดฝิ่นกันงอมแงม และเหล่าประชาชนก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับรับบาลชิงมากนักเพราะแห่งว่าพวกแมนจูเป็นชาวต่างชาติ และตั้งแต่พระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ก็เกิดกบฎไท่ผิงเมื่อ หง ซิ่วเฉฺวียน นำพวกที่นับถือศาสนาคริสต์มาหวังที่จะโค่นล้มราชวงศ์ชิงทางตอนใต้ของประเทศจีน เมื่อเป็นเช่นนั้น พระองค์เร่งส่งทหารเข้าปราบปรามกลุ่มกบฎโดยเร็ว แต่ทหารของพระองค์ก็พ่ายแพ้ กลุ่มกบฎจึงเร่งทัพเข้านานกิงและตั้งอาณาจักรไท่ผิงขึ้น ในปี 1851 โดยมีนานกิงเป็นเมืองหลวง โดยการปราบปรามกบฎไท่ผิงนั้นทำตลอดรัชสมัยของพระองค์จนไปสิ้นสุดลงในสมัยของจักรพรรดิถงจื้อ จักรพรรดิองค์ถัดไป นอกจากนี้สมัยของพระองค์ยังเกิดกบฎเหนียน(Nian Rebellion) ที่พยายามโค่นล้มราชวงศ์ชิงทางตอนเหนือ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกบฎไท่ผิงอีกด้วย

ภาพพื้นที่ภายใต้การปกครองของกบฏไท่ผิง(สีแดง) โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่นานกิง


     นอกจากการกบฎภายในประเทศแล้ว จีนก็กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากภัยคุกคามชาติตะวันตก ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ต่างก็พยายามมาเจรจาการค้ากับจีน แต่จักรพรรดิเสียนเฟิงก็ไม่ได้ทำการตอบรับการเจรจาของพวกอังกฤษและฝรั่งเศสทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับชาติตะวันตกแย่ลงไปอีก ในที่สุดเมื่อจีนจับกุมทูตอังกฤษ เซอร์ แฮร์รี สมิท พากส์และคณะบาทหลวงชาวฝรั่งเศส และลงโทษทรมานและเสียชีวิต อังกฤษและฝรั่งเศสจับมือกันและประกาศสงครามกับจีน จีนที่ในตอนนั้นจักรพรรดิเสียนเฟิงภายใต้อืทธิพลของพระนางเย่เฮ่อน่าล่า(ซูสีไทเฮาในอนาคต)ได้เชื่อว่าจีนเหนือกว่าชาติตะวันตก สงครามฝิ่นครั้งที่ 2 จึงอุบัติขึ้น



     กองทัพผสมอังกฤษ-ฝรั่งเศส บุกขึ้นเหนือขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถเข้ามายังกรุงปักกิ่งได้ ในวันที่ 6 ตุลาคม 1860 หลังจากที่กองทัพของเหล่าชาติตะวันตก เข้ามาภายในกรุงปักกิ่ง สมเด็จพระจักรพรรดิได้หนีไปอยู่ที่วังฤดูร้อนบนเขาที่เมืองเฉิ๋งเต๋อ ในวันที่ 18 ตุลาคม 1860 กองทัพของพวกอังกฤษและฝรั่งเศสได้เข้าไปในพระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน เอาของมีค่าและโบราณวัตถุของจีนกลับไปยังประเทศแม่ ย่ำยีเกียรติและศักดิ์ศรีของจักรพรรดิจีน แต่แค่ปล้นดูเหมือนจะยังไม่สะใจ กองทัพชาติตะวันตกจึงให้เซอร์วิชพิเศษแก่วังแห่งนี้ โดยการเผาพระราชวังแห่งนี้จนเหลือแค่ซากเอาไว้ดูต่างหน้าว่า เมื่อก่อนเคยมีพระราชวังที่สวยงามและยิ่งใหญ่เคยตั้งอยู่ตรงนี้


กองทัพชาติตะวันตกบุกปล้นพระราชวังหยวนหมิงหยวน


ซากปรักหักพังของพระราชวังหยวนหมิงหยวน

      โดยเมื่อองค์จักรพรรดิทราบถึงการเผาพระราชวังหยวนหมิงหยวน สุขภาพพลานามัยที่แต่เดิมแย่อยุ่ก่อนแล้วก็ทรุดหนักลงไปอีก หลังจากนั้นจีนก็ได้ยอมแพ้สงครามแล้วยอมลงนามในสนธิสัญญาเทียนจิน มีผลบังคับให้จีนเปิดเมืองท่าต่างๆ รวมทั้งขอสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนือดินแดนจีน คนที่ถือสัญชาติอังกฤษ จะไม่ต้องขึ้นศาลจีน รวมทั้งสิทธิใด ๆ ที่อังกฤษได้ ต่างชาติอื่น ๆ ก็ต้องได้ด้วย เกาลูนตกเป็นของอังกฤษและพร้อมกันนั้นจีนก็ต้องเสียค่าปฏิกรรมสงครามไปอีกจำนวนมาก

      หลังจากนั้นอาการของพระจักรพรรดิก็มีแต่จะทรุดลงเพราะพระองค์เอาแต่ดื่มสุรายาเมาจนประชวรหนักกว่าเดิม โดยก่อนที่จะสวรรคตพระองค์ให้หาขุนนางผู้ใหญ่แปดคนมาเฝ้า ทรงแต่งตั้งให้เป็นคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เรียก "แปดมหามนตรีผู้รับสนองพระราชโองการ" มีหัวหน้า คือ ซู่ชุ่น  ไจ่-ยฺเหวียนและตฺวันหฺวา ให้ช่วยปกครองประเทศในสมัยจักรพรรดิองค์ถัดไป พร้อมกันนั่นก็ให้ตราประทับแก่พระนางเย่เฮ่อนาล่า(ซูสีไทเฮา)และจักรพรรดินีเจิน(ซูอันไทเฮา) พื่อให้ร่วมมือกันอภิบาลดูแลให้สมเด็จพระจักรพรรดิถงจื้อทรงเจริญพระชันษาขึ้นอย่างทรงมีพระวัยวุฒิและคุณวุฒิ นอกจากนี้ ยังเพื่อเป็นการให้พระมเหสีทั้งสองคอยตรวจสอบการใช้อำนาจของคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกด้วย

    หลังจากมอบหมายภาระหน้าที่แก่เหล่าขุนนางทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็จากไปอย่างสงบในวันที่ 22 สิงหาคม 1861 หลังจากครองราชย์มานานกว่า 11 ปี มีพระชนม์มายุ 30 พรรษา โดยไม่รู้เลยว่าราชวงศ์ชิงนั้นค่อยๆอ่อนแอลงไปอีกเรื่อยๆ จนนับวันรอการล่มสลายได้เลย


ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้ทำก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และสามารถช่วยเสริมความถูกต้องได้ในคอมเม้นต์นะครับ




ถ้าชอบบทความของเราอย่าลืมคอมเม้น กดติตตามหรือกดแชร์บทความของเรานะครับ




สนับสนุนผู้ทำบทความได้้ที่ TrueMoney Wallet 0642303213 (ขอขอบพระคุณมากครับ)

อ้างอิง
จักรพรรดิเสียนเฟิง(2561). จากhttps://th.wikipedia.org 
Xianfeng. จากhttps://www.britannica.com
การสวรรคตของจักรพรรดิเสียนเฟิง จากhttps://amphuean.wordpress.com
เพจFacebook ประวัติศาสตร์จีน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น