ค้นหาบล็อกนี้

15/9/61

กรุงไซง่อนแตก จุดจบของเวียดนามใต้และสงครามเวียดนาม

     


      สงครามเวียดนามเริ่มขึ้นเมื่อราวปี ค.ศ.1955 ระหว่างเวียดนามเหนือ(คอมมิวนิสต์) และเวียดนามใต้(ประชาธิปไตย) โดยเวียดนามเหนือมีเมืองหลวงชื่อฮานอย ส่วนเวียดนามใต้มีเมืองหลวงชื่อว่าไซง่อน

ภาพพื้นที่แบ่งแสดงถึงเวียดนามเหนือ(สีเขียวอ่อน)
และเวียดนามใต้ (สีเขียวเข้ม)
    ในช่วงทศวรรศ 1960s. เกิดกระแสการต่อต้านสงครามเวียดนามของชาวอเมริกัน และมันก็ค่อยๆรุนแรงขึ้นในสมัยของประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ในที่สุดทหารอเมริกันส่วนมากก็เริ่มถูกสั่งให้ถอนทัพออกจากเวียดนามใต้ ทำให้เวียดนามใต้นั้นค่อยๆ อ่อนแอลงและกลายมาเป็นโอกาสครั้งสำคัญของเวียดนามเหนือในการบุกยึดเวียดนามใต้

    ทางกองทัพสหรัฐประเมินว่าเวียดนามใต้จะสามารถยันเวียดนามเหนือได้จนถึงปี 1976 เท่านั้น แต่ว่ากองทัพเวียดนามเหนือภายใต้การบังคับบัญชาของ หวั่น เตี๋ยง จุ๋ง กลับรุกคืบเวียดนามใต้ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปี 1975 ทำให้การคาดการณ์ของสหรัฐนั้นผิดและเวลาที่เวียดนามใต้จะแตกก็ใกล้ขึ้นมาอีก

ทหารเวียดนามเหนือที่เมืองดานัง

       การรุกที่รวดเร็วของเวียดนามเหนือตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ทำให้ไซง่อนเริ่มถูกล้อมโดยพวกเวียดนามเหนือ กระแสการอพยพมีมากขึ้นผู้ตนต่างทยอยอพยพเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนต่างก็กลัวว่าถ้าพวกเวียดกงเข้ามา จะเกิดการแก้แค้นและสังหารผู้คนในไซง่อน จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ประธานาธิดีเวียดนามใต้ เหงียน วัน เตี่ยว โดนกดดันจากทางรัฐมนตรีอย่างหนัก จนเกือบจะโดนรัฐประหาร แต่ว่าเขาก็ยังคงกุมอำนาจของเวียดนามใต้เอาไว้ได้

     แต่ว่าคนจำนวนมากในคณะทูตของอเมริกา โดยเฉพาะมาร์ติน และบุคลากรสำคัญบางคนจากวอชิงตัน เชื่อว่าการเจรจากับฝ่ายคอมมิวนิสต์ยังเป็นไปได้ โดยเฉพาะถ้าไซ่ง่อนยังสามารถรักษาเสถียรภาพทางการทหารเอาไว้ได้ ท่านทูตมาร์ตินยังหวังไว้ว่าผู้นำของเวียดนามเหนือจะยินยอมให้ทหารอเมริกันค่อยๆ ถอนกำลังออกไปเป็นระยะๆ ซึ่งรวมไปถึงการอพยพชาวอเมริกันทั้งหมด และชาวเวียดนามที่มีประโยชน์ออกไป และถอนกำลังทหารทั้งหมดออกไป ภายในระยะเวลาหลายเดือน ซึ่งก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับผลที่เตี่ยวในฐานะผู้นำรัฐบาลมีต่อการแก้ปัญหาทางการเมือง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลกล่าวในวันที่ 2 เมษายน ว่ารัฐบาลเฉพาะกาลอาจจะยอมเจรจากับรัฐบาลไซง่อนถ้ารัฐบาลนั้นไม่มีเตี่ยวอยู่ ทำให้แรงกดดันที่จะขับไล่เตี่ยวออกจากตำแหน่งเพิ่มขึ้น แม้แต่ในเหล่าผู้สนับสนุนของเตี่ยวเอง ในที่สุดเตี่ยวก็ลาออกจากการเป็นประธานาธิบดีและกล่าวตำหนิสหรัฐในด้านต่างๆ ก่อนเดินทางออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 21 เมษายน 1975

ปธน. เหงียน วัน เตี่ยว
       หลังจากเตี่ยวลาออก ทำให้ ตรัน วัน เฮือง  ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนถัดมา ซึงหลังจากนั้นไม่นานกรุงไซง่อนก็เริ่มถูกโจมตี การโจมตีครั้งนี้ทำให้ทั่วทั้งเมืองไซง่อนผู้คนต่างพาลูกหลานหนีออกประเทสกันอย่างจ้าละหวั่น เจ้าหน้าที่สหรัฐต้องทำหน้าที่กันอย่างหนัก ในสถานทูตเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ทำเรื่องออกนอกประเทศ แต่แล้วเมื่อวันที่ 29 เมษายน ท่าอากาศยานเตินเซินเญิ้ตซึ่งเป็นท่าอากาศยานของไซง่อนที่ผู้คนต่างรอคอยกันอพยพถูกโจมตีอย่างหนักโดยการทิ้งระเบิดของพวกเวียดนามเหนือ ท ำให้การอพยพผู้คนต่องหยุดชะงัก สหรัฐจึงใช้ปฏิบัติการฟรีเควียนท์วินด์ ซึ่งเป็นการอพยพผู้คนโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่อพยพประชาชนทางเฮลิคอปเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย

ผู้ลี้ภัยชาวเวียดนามใต้เดินทางมาถึงเรือรบของสหรัฐฯ ระหว่างปฏิบัติการฟรีเควียนท์วินด์
      สถานีวิทยุอเมริกันเริ่มเล่นเพลงไวท์คริสต์มาส ของเออร์วิง เบอร์ลินต่อเนื่องกัน เพื่อเป็นสัญญาณให้บุคลากรอเมริกันเดินทางไปยังจุดอพยพในทันที หลังจากที่มาร์ตินเอกอัครราชทูตของสหรัฐประจำเวียดนามใต้ สั่งให้เริ่มปฏิบัติการฟรีเควียนท์วินด์ การอพยพเป็นไปอย่างต่อเนื่องที่สถานทูตอเมริกา แต่แผนการอพยพดั้งเดิมนั้นไม่ได้รวมการอพยพขนานใหญ่ที่สถานเอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงไซ่ง่อน แต่มอบหมายให้เฮลิคอปเตอร์และรถโดยสารขนย้ายคนจากสถานทูตไปยังสำนักงาน DAO อย่างไรก็ตาม ระหว่างการอพยพ มีคนติดอยู่สถานทูตอยู่หลายพันคน ซึ่งมีรวมไปถึงชาวเวียดนามเป็นจำนวนมาก และยังมีพลเรือนชาวเวียดนามที่อยู่ข้างนอกสถานทูตพยายามปีนกำแพงเข้ามา โดยหวังที่จะได้สถานะผู้ลี้ภัย พายุฝนที่กระหน่ำลงทำให้ปฏิบัติการโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ยุ่งยากขึ้นไปอีก แต่การอพยพคนจากสถานทูตก็ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเย็นและกลางคืน



         แต่ว่าพอมาถึงช่วงเวลาตีสาม ของคืนวันที่ 30 เมษายน 1975 การอพยพต้องหยุดชะงักลงเพราะเบื้องบนของสหรัฐได้สั่งให้ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นไป จะอพยพเฉพาะชาวสหรัฐเท่านั้น มาร์ตินออกคำสั่งอย่างขมชื่นว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะให้เฉพาะชาวอเมริกาอพยพเท่านั้น ทำให้ชาวเวียดนามที่เหลือพยายามปืนกำแพงและประตูเข้ามาเพื่อพยายามอพยพไปพร้อมกับชาวอเมริกาคนอื่นๆ ส่วนทางทูตมาร์ตินก็คอยช่วยเหลืออยู่ยังไม่อพยพไปพร้อมกับคนอื่นๆ จนในที่สุด ปธน.ฟอร์ด จึงสั่งกับนักบิน เจรี เบอร์รี ให้พาตัวเขาอพยพออกจากเวียดนาม และสั่งว่าถ้าเขาไม่ทำตามสามารถจับกุมตัวได้ ทำให้มาร์ตินต้องอพยพและออกเดินทางไปพร้อมกับคนอื่น โดยเฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้ายออกมาตอน 7.53 น โดยสามารถอพยพชาวอเมริกัน 978 คน และชาวเวียดนามอีก 1,100 คน ชาวเวียดนามที่เหลือยังคงพยายามออกนอกประเทศทางเรือและทางอากาศถ้าเป็นไปได้ นักบินชาวเวียดนามใต้ที่สามารถเข้าถึงเฮลิคอปเตอร์ได้บินออกนอกชายฝั่งไปยังกองเรือรบอเมริกัน ที่ๆ เขาสามารถลงจอดได้ หลังลงจอดเสร็จเฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นจะถูกทิ้งลงทะเลเพื่อเปิดทางให้เฮลิคอปเตอร์ลำอื่นๆเข้ามาจอดต่อ


         





     มาร์ตินยังสามารถโน้มน้าวให้กองเรือรบที่เจ็ดอยู่กับที่อีกหลายวันเพื่อรอคนเวียดนามที่อาจหนีมาได้ทางเรือหรือเครื่องบิน เพื่อให้ทหารอเมริกันที่รออยู่ช่วยเหลือได้ ซึ่งก็มีมากหลายร้อยคน โดยชาวเวียดนามเป็นจำนวนมากที่อพยพออกมาได้รับอนุญาตให้เข้ามาอาศัยในสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบัญญัติช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและการอพยพจากอินโดจีน 

ผู้อพยพชาวเวียดนามที่มาทางเรือ
       โดยในการอพยพครั้งนี้ สามารถอพยพออกไปได้โดยไม่ถูกแทรกแซงจากทั้งเวียดนามเหนือและใต้ นักบินเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเตินเซินเญิ้ตทราบดีว่าปืนต่อสู้อากาศยานของกองทัพเวียดนามเหนือกำลังจับเป้าอยู่แต่ไม่ยิง เนื่องจากฝ่ายบริหารจากฮานอยรู้ว่าความสำเร็จของการอพยพจะช่วยลดความเสี่ยงที่ฝ่ายอเมริกันจะกลับมาแทรกแซง และได้ให้คำสั่งกับหวั่น เตี๋ยง จุ๋งอย่างชัดเจนว่าไม่ให้โจมตีการอพยพทางอากาศเป้นอันเด็ดขาด

       หลังจากการอพยพโดยเฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้ายสิ้นสุดลง จุ๋งได้รับคำสั่งให้บุกไซง่อน เขาจึงสั่งให้ผู้บัญชาการภาคสนามเคลื่อนทัพตรงไปยังสาธารณูปโภคสำคัญและจุดยุทธศาสตร์ในเมือง[41] หน่วยของกองทัพเวียดนามเหนือหน่วยแรกที่เข้าไปในเมืองคือกองร้อยที่ 324ประธานาธิบดีดูง วัน มินห์แห่งเวียดนามใต้ ที่เพิ่งดำรงตำแหน่งมาได้สามวัน ออกแถลงการณ์ยอมจำนนเมื่อเวลา 10.24 น. และขอให้กองกำลังเวียดนามใต้ "หยุดต่อสู้ อยู่ในความสงบ และไม่เคลื่อนพลไปไหน" และเชิญรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลมาร่วม "พิธีถ่ายโอนอำนาจอย่างเป็นระเบียบเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเลือดเนื้อของประชากรอย่างไม่จำเป็น" แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเวียดนามเหนือไม่สนใจที่จะเจรจาเพื่อครอบครองเมืองอย่างสันติ และใช้กำลังเข้ายึดเมือง และจับกุมมินห์ ประตูทำเนียบอิสรภาพถูกทำลายโดยรถถังของกองทัพเวียดนามเหนือขณะที่กำลังเข้าไป และธงเวียดกงถูกเชิญขึ้นเหนือทำเนียบในเวลา 11.30 น. ในเวลา 15.30 น. มินห์กระจายเสียงไปทางวิทยุ โดยแถลงว่า "ข้าพเจ้าประกาศรัฐบาลไซ่ง่อนสิ้นสุดลงในทุกระดับขั้น" การล่มสลายของรัฐบาลเวียดนามใต้จึงถือเป็นการยุติสงครามเวียดนามอย่างมีประสิทธิผล



     เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามสามารถยึดไซง่อนได้ รัฐบาลจึงเปลี่ยนชื่อจากไซง่อนเป็นโฮจิมินต์ ตามประธานาธิบดีและผู้นำคนแรกของเวียดนามเหนือ ชาวเวียดนามใต้มากกว่า 200,000 คน ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่รัฐและทหารถูกส่งไปยัง "ค่ายอบรมใหม่" ที่ๆ พวกเขาต้องเผชิญกับทารุณกรรม, โรคภัยไข้เจ็บและความอดอยาก นอกจากนี้ทางรัฐบาลใหม่ก็ได้สั่งลดจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในไซ่ง่อน ซึ่งกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคนที่เพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่ระหว่างช่วงสงครามเป็นจำนวนมาก ทำให้มีมีปัญหาประชากรหนาแน่นเกินไปและมีอัตราการว่างงานสูง รัฐบาลทำการจัดตั้งชั้นเรียนเพื่ออบรมใหม่ให้กับอดีตทหารเวียดนามใต้ ที่ระบุให้นักเรียนย้ายออกจากเมืองไปทำกสิกรรมเพื่อแลกกับการได้รับสถานะพลเมืองของสังคมคืนมา มีการแจกข้าวให้กับคนยากจนเพื่อแลกกับสัญญาที่จะออกจากไซ่ง่อนไปยังชนบท ตามข้อมูลของรัฐบาล ภายในสองปีของการยึดเมือง มีคนย้ายออกจากไซ่ง่อนกว่าหนึ่งล้านคน

   การที่กรุงไซง่อนแตกในครั้งนี้นับเป็นชัยชนะของฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนาม และเป็นจุดจบของสงครามเวียดนามที่ดำเนินมากว่า 19 ปี และยังเป็นจุดเริ่มต้นของเวียดนามหลังการรวมประเทศอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันทุกวันที่ 30 เมษายน จะถือเป็นวันรวมประเทศ และถือเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ในเวียดนามทีมีการจัดการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ แต่สำหรับผู้อพยพชาวเวียดนามที่กระจายไปตามที่ต่างๆ จะเรียกวันนี่้ว่าเมษาฯ ทมิฬ และถือว่าวันนี้เป็นรำลึกถึงการเสียกรุงไซ่ง่อน

ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้ทำก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และสามารถช่วยเสริมความถูกต้องได้ในคอมเม้นต์นะครับ




ถ้าชอบบทความของเราอย่าลืมคอมเม้น กดติตตามหรือกดแชร์บทความของเรานะครับ




สนับสนุนผู้ทำบทความได้้ที่ TrueMoney Wallet 0642303213 (ขอขอบพระคุณมากครับ)

อ้างอิง
การยึดกรุงไซ่ง่อน(2561). จากhttps://th.wikipedia.org
Fall of Saigon(2561). จากhttps://en.wikipedia.org
ไซง่อนแตก (Fall of Saigon)(2558). จากhttp://thongkum.blogspot.com
Vietnam War: Fall of Saigon. จากhttps://www.thoughtco.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น