เนื่องจากบทความก่อนๆ ของทางเราไม่ค่อยมีเหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับประเทศไทยเลย เพราะฉะนั้นในวันนี้ทางผู้เขียน จะมาเล่าเรื่องราวให้ทุกท่านๆ ได้อ่านในเรื่องของความตกลงสมบูรณ์แบบของไทย ที่ทำให้ประเทศไทยหลุดรอดจากประเทศผู้แพ้สงครามในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ส่วนรายละเอียดจะมีเช่นไร ติดตามอ่านต่อได้จากเนื่อหาข้างล่างนี้ครับ อ่ออีกอยากหนึ่งถ้าชอบบทความของเราอย่าลืมกด Like กด Share กันด้วยนะครับ
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ญี่ปุ่นได้ทำการบุกเข้าเมืองไทยในช่วง 2.00 น. ผ่านทางเมืองประจวบขีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี ปัตตานี สมุทรปราการ พิบูลสงคราม(ตอนนั้นเป็นของไทย)และอรัญประเทศ โดยหลังจากที่ญี่ปุ่นบุกเข้าไทยได้ไม่นานเหล่ายุวชนทหารและทหารไทยหลายนาย ได้เข้าต่อต้านญี่ปุ่นอย่างหนักหน่วงเป็นเวลาทั้งคืน จนในที่สุดในวันรุ่งขึ้นทางรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามได้ประกาศหยุดยิง หลังญี่ปุ่นขอแค่ให้ไทยเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น ถ้าไม่ยอมจะนำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่กรุงเทพมหานคร
แผนที่ที่แสดงถึงบริเวณต่างๆของไทย ที่ถูกญี่ปุ่นเข้ามาบุกในปี พ.ศ.2484 |
รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ยอมรับข้อตกลงของญี่ปุ่น และยอมให้ทหารญี่ปุ่นเดินทัพผ่านไทยเพื่อไปยังประเทศพม่า และเขตการปกครองของอังกฤษที่อยู่ห่างไกลจากญี่ปุ่นเข้าไปอีก และหลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลไทย ก็ได้ร่วมลงนามเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นและต่อมาจากสถานการณ์หลายๆยอย่าง และการชักชวนของญี่ปุ่น ทำให้ไทยเข้าร่วมฝ่ายอักษะ และประกาศสงครามกับอังกฤษและชาติพันธมิตรในเวลาต่อมา
หลวงวิจิตรวาทการและคณะทูตไทย เยือนนาซีเยอรมัน |
ในช่วงที่ไทยเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในระยะแรกนั้น ก็มีผู้คนบางส่วนไม่เห็นด้วย โดยผู้คนเหล่านั้นได้ตั้งกลุ่มขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า เสรีไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านญี่ปุ่นและอักษะอย่างลับๆ ซึ่งเสรีไทยนั้นแบ่งเป็นสามกลุ่มใหญ่คือ กลุ่มเสรีไทยในประเทศ นำโดยปรีดี พนมยงค์ กลุ่มเสรีไทยภายนอกประเทศนำโดย ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมท เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา และกลุ่มเสรีไทยในอังกฤษ นำโดยเหล่านักเรียนไทยและราชนิกูลรวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์บางส่วนด้วย โดยกลุ่มเสรีไทยมีบทบาทสำคัญอย่างมากในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา อย่างเช่น การที่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมท ไม่ส่งคำประกาศสงครามของไทยต่อสหรัฐอเมริกา และถือว่าการประกาศสงครามนั้นมิใช่เจตนาของคนไทย
ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมท ขณะยังดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา |
หลังจากที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามแล้วในปี พ.ศ. 2488 ไทยซึ่งในตอนนั้นเป็นฝ่ายอักษะก็ถือว่าพ่ายแพ้สงครามเช่นเดียวกัน และยังทำให้จอมพล ป. และเหล่าผู้นำที่อยู่ฝ่ายอักษะ ได้รับโทษอาชญากรสงครามและจะต้องไปแขวนคอตามโทษ ทำให้พันตรี ควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมและออกกฎหมายที่เรียก ประกาศสันติภาพ มีผลให้การประกาศสงครามของไทยกับฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นโมฆะ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญและความประสงค์ของประชาชนชาวไทย โดยสหรัฐได้ยอมรับว่า การประกาศสงครามของไทยนั้นเป็นโมฆะและไม่ได้เรียกร้องอะไรต่อไทยมากนัก แต่อังกฤษกลับไม่ได้เห็นด้วยกับอเมริกา อังกฤษพยายามให้ไทยทำตามเงื่อนไขต่างๆ เพื่อยกเลิกสถานะคู่สงครามพร้อมให้ไทยกลายเป็นเมืองในอาณัติของอังกฤษ แต่ว่าเพราะเรามีเสรีไทยอยู่จึงสามารถพอที่จะตกลงและเจรจากับอังกฤษได้ พร้อมกันนั้นอเมริกาก็มาช่วยเกลี้ยกล่อมอังกฤษให้อีกด้วย
ในช่วงเดือนกันยาย ปี พ.ศ.2488 นายปรีดี พนมยงค์ ได้ขอให้ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมท รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อหวังเจรจาสันติภาพกับอังกฤษ โดยม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมท ได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2488 และเริ่มเจรจาสันติภาพกับอังกฤษ และในที่สุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2489 อังกฤษกับไทยก็ได้ทำ "ความตกลงสมบูรณ์แบบเพื่อสถานะสงครามระหว่างประเทศไทยกับบริเตนใหญ่และอินเดีย" ที่สิงคโปร์ ก่อนที่จะมีชาติอื่นๆ เข้ามาร่วมเกี่ยวข้องกับความตกลงนี้ด้วย เช่น ฝรั่งเศส จีนคณะชาติและสหรัฐ
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ทรงไปเจรจาทำสัญญาเลิกสถานะสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร |
ข้อตกลงกับอังกฤษ
เป้าหมายของอังกฤษในข้อตกลงนี้คือ ไทยต้องคืนสหรัฐไทยเดิม(เชียงตุง)และ สี่รัฐมาลัย(รัฐกลันตัน, ตรังกานู, ไทรบุรี และปะลิส) คืนแก่อังกฤษ พร้อมกับต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ทรัพย์สินของอังกฤษ ที่ถูกไทยยึดครองระหว่างสงคราม เป็นข้าวสาร 1.5 ล้านตัน รวมไปถึง แร่ ดีบุก และยางพารา ประกอบกับค่าเสียหายว่าด้วยกรณีการสร้างเส้นทางรถไฟสานมรณะอีกด้วย
ข้อตกลงของฝรั่งเศศ
จากการที่ฝรั่งเศสยับยั้งการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติของไทย ทำให้ไทยต้องทำข้อตกลงกับฝรั่งเศส เพื่อให้ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ โดยเงื่อนไขของฝรั่งเศสคือไทยต้องคืนดินแดนที่ไทยได้ไปในช่วงกรณีพิพาทอินโดจีน หรือคือไทยต้องคืน จังหวัดนครจัมปาศักดิ์ จังหวัดล้านช้าง จังหวัดพิบูลสงครามและจังหวัดพระตะบอง พร้อมกับทั้งต้องมอบพระแก้วมรกตกับพระบางให้แก่ลาว โดยอ้างว่าพระพุทธรูปทั้งสององค์เคยอยู่ในลาวมาก่อนถึง 200 กว่าปี ก่อนจะมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และเมื่อลาวเป็นดินแดนในอาณัติของฝรั่งเศสแล้ว ไทยก็ควรคืนให้แก่ลาวด้วย ทางการไทยได้ใช้เหตุผลต่างๆ อ้างสิทธิ์ในการครอบครองพระแก้วมรกตโดยกล่าวว่า พระแก้วมรกตแต่เดิมเป็นของไทย แต่พระเจ้าไชยเชษฐาได้นำพระแก้วมรกตจากล้านนา ไปไว้ในล้านช้าง การที่รัชกาลที่ 1 นำพระแก้วมรกตกลับมาก็ถือว่าเป็นการนำกลับมายังที่เดิม ซึ่งจากเหตุผลที่กล่าวมานี่ทำให้พระแก้วมรกตยังอยู่กับไทย ส่วนพระบางไทยได้คืนให้กับลาวไปตามข้อตกลง
ข้อตกลงกับสหรัฐ
สหรัฐไม่ได้ตั้งเงื่อนไขอะไรมาก เพราะสหรัฐได้ยินยอมที่ให้ประกาศสงครามต่อชาติพันธมิตรของไทยเป็นโมฆะ แต่เพียงแค่ให้ไทยลงโทษอาชญากรสงครามตามกฎหมายเท่านั้น รัฐบาลไทยโดย ม.ร.ว.เสนีย์ ได้ประกาศพระราชบัญญัติอาชญากรสงครามขึ้นมา ซึ่งหากรัฐบาลไม่ตราพระราชบัญญัตินี้ฝ่ายสัมพันธมิตรก็จะนำผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ศาลทหารระหว่างประเทศสำหรับตะวันออกไกล ซึ่งมีโทษรุนแรงกว่าพระราชบัญญัติที่บัญญัติขึ้นมา โดยผลจากการร่างกฎหมายนี่ ทำให้เหล่าอาชญากรสงครามมาเพื่อให้ผู้กระทำผิดต้องขึ้นศาลไทย จอมพล ป. พิบูลสงคราม รวมทั้งอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาระดับสูงหลายคน เช่น หลวงวิจิตรวาทการ, จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์, พลเอกมังกร พรหมโยธี เป็นต้น จึงถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีในประเทศไทยแทนการไปถูกพิจารณาคดีที่กรุงโตเกียว
ข้อตกลงกับจีน
ทางการจีนคณะชาติก็ไม่ได้ขออะไรมาก เพียงแค่ให้กองทัพพายัพของไทยในพม่าหรือสหรัฐไทยเดิมส่งคืนเชลยศึกชาวจีนทั้งหมด และรัฐบาลไทยจะต้องยกเลิกนโยบายต่อต้านชาวจีนของจอมพล ป. พิบูลสงคราม อีกทั้งยังต้องชดเชยค่าเสียหายแก่ทรัพย์สินชาวจีนในประเทศไทยที่ถูกรัฐบาลไทยยึดไป
ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้ทำก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และสามารถช่วยเสริมความถูกต้องได้ในคอมเม้นต์นะครับ
ถ้าชอบบทความของเราอย่าลืมคอมเม้น กดติตตามหรือกดแชร์บทความของเรานะครับ
สนับสนุนผู้ทำบทความได้้ที่ TrueMoney Wallet 0962566742 (ขอขอบพระคุณมากครับ)
อ้างอิง
สงครามอินโดจีน จากhttp://www.oocities.org
ไทยกับสงครามโลกครั้งที่ 2(2559). จากhttps://www.m-culture.go.th
สงครามโลกครั้งที่สองในประเทศไทย(2561). จากhttps://th.wikipedia.org
ความตกลงสมบูรณ์แบบ(2561). จากhttps://th.wikipedia.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น