ค้นหาบล็อกนี้

20/4/61

ยุคโจมง

          ยุคโจมงเป็นยุคโบราณของประเทศญี่ปุ่น โดนเวลาของยุคนี้น่าจะอยู่ประมาณราว 14000 ปีก่อนคริสตการ ถึง 300 ปีก่อนคริสตการ ซึ่งยุคนี้มนุษย์เริ่มมีพัฒนาการจากยุคหินญี่ปุ่น เริ่มมีการทำเครื่องปั้นดินเผาต่างๆ เพื่อเอาไว้ใช้งานตามรูปแบบต่าง แล้วแต่การใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการทำเครื่องมือต่างๆ ที่ทำจากหินด้วยความประณีตในช่วงยุคนี้อีกด้วย





ยุคโจมงเริ่มแรก
           ยุคโจมงเริ่มแรกนั้นอยู่ในราว 10000 - 4000 ปีก่อนคริสตการ และจากหลักฐานทางโบราณคดีของญี่ปุ่น อาจทำให้ได้ทราบกันว่า เครื่องปั้นดินเผาของอารยธรรมโจมงนั้น อาจจะเก่าแก่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว แต่ว่านักวิชาการญี่ปุ่นบางคนก็แย้งกับข้อคิดเห็นนี้และกล่าวไว้ว่า เครื่องปั้นดินเผาอาจจะมีอยู่แล้วในบริเวณประเทศจีนหรือรัสเซีย ซึ่งอาจจะเก่าพอ ๆ กับเครื่องดินเผาถ้ำฟุกุอิ แต่ถึงแม้จะไม่เก่ากว่าก็ตาม ชาวโจมงได้ปั้นตุ๊กตาและภาชนะจากดินเหนียวและทำลวดลายอย่างซับซ้อนด้วยการกดดินที่ยังหมาดอยู่ด้วยเชือกทั้งแบบที่ฟั่นเป็นเกลียวและไม่ฟั่นอีกด้วย

เครื่องปั้นดินเผาที่น่าจะอยู่ในสมัยยุคโจมงเริ่มแรก
     เครื่องปั้นดินเผาในช่วงยุคแรกนั้นจะมีลักษณะก้นมน ซึ่งอาจทำเลียนแบบตะกร้าสะพายหลังที่ใช้เก็บหาอาหาร และลวดลายที่อยู่บนเครื่องปั้นดินเผาก็น่าจะเกิดจากการเลียนแบบตะกร้าเช่นกัน แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป เครื่องปั้นดินเผาในสมัยนี้ก็พัฒนาจากก้นมนเป็นก้นแหลม เพื่อวางบนกองไฟได้ง่ายขึ้น แล้วก็พัฒนาต่อมาเป็นก้นแบนเพื่อวางบนพื้นได้และเพื่อสะดวกต่อการใช้งานอย่างอื่นในเวลาต่อมา

การล่าสัตว์
     ชาวโจมงได้มีพัฒนาการในการล่าสัตว์จากเครื่องมือที่มีอยู่แบบเดิม เป็นอาวุธจำพวกธนู เพื่อความสะดวกในการล่าสัตว์

ที่อยู่อาศัย
     ในสมัยนี้เริ่มมีการสร้างที่อยู่อาศัยแทนการอยู่ในถ้ำ โดยเรียกที่อยู่อาศัยแบบนี้ว่า ฮานะจูเคียว คือมีการขุดดินเป็นรูปสี่หลี่ยมหรือวงกลมจากนั้นก็ตั้งเสาข้างใน ต่อก็มุงลังคาลงมา ตรงกลางเป็นกองไฟเอาไว้ให้ความอบอุ่นและแสงสว่าง นอกจากนี้ยังมีรูระบายอากาศและควันจากกองไฟอีกด้วย


การขยายตัวของประชากร
          มีหลักฐานที่แสดงถึงวัฒนธรรมโจมงนั้น มีความหนาแน่นของประชากรสูงที่สุดในบรรดาของประชากรที่ดำรงชีวิตโดยการล่าสัตว์ นอกจากนี้จากการศึกษาแผนที่ทางพันธุกรรมโดยลุยจี-ลูกา-กาวัลลี-สฟอร์ซา ได้แสดงให้เห็นรูปแบบของการขยายตัวทางพันธุกรรมจากพื้นที่ในทะเลญี่ปุ่นไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกและบางทีอาจจะไปถึงทวีปอเมริกาผ่านเส้นทางเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย จึงทำให้การขยายตัวทางประชากรครั้งนี้นับเป็นการขยายตัวประชากรที่ใหญ่เป็นอันดับสามของเอเชียตะวันออกอีกด้วย


ยุคโจมงตอนท้าย
          ยุคโจมงตอนท้ายนั้นอยู่ในช่วงเวลาราว 4000 - 400 ปีก่อนคริสตการ ซึ่งบางเวลาในยุคนี้ตรงกับยุคโฮโลซีน (4000-2000 ปีก่อนคริสตการ) ซึ่งทำให้อุณหภูมิในช่วงโฮโลซีนสูงขึ้นกว่าปัจจุบันหลายองศาและระดับน้ำทะเลก็สูงกว่าปัจจุบันราว 5 ถึง 6 เมตร และในสมัยนี้ก็เริ่มมีการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวขึ้น แล้วก็พัฒนาจากแบบเริ่มต้นมาเป็นนาข้าวแบบซับซ้อนและเกิดระบบการปกครองขึ้น องค์ประกอบอื่น ๆ หลายอย่างของวัฒนธรรมญี่ปุ่นอาจนับย้อนไปได้ถึงยุคนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งสะท้อนถึงการอพยพเข้ามาผสมปนเปกันของชาวแผ่นดินใหญ่จากเอเชียตอนเหนือและชาวแปซิฟิกตอนใต้ องค์ประกอบเหล่านั้นมีทั้งเทพปกรณัมชินโต ประเพณีการแต่งงาน ลีลาทางสถาปัตยกรรม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น ภาชนะเคลือบเงา สิ่งทอ คันธนูที่ทำโดยการอัดไม้ต่างชนิดเข้าด้วยกัน งานโลหะ และงานแก้ว และตุก็ตาดินเผาประหลาดที่ค้นพบในยุคนี้ที่เรียกว่า โดะงู


โดะงูแบบต่างๆ ที่ค้นพบในญี่ปุ่น
   โดะงูมีรูปร่างลักษณะมากมาย โดยส่วนมากสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมนุษย์ผู้หญิงเพราะเพราะมีหน้าอก เอวคอด สะโพกผาย แต่หน้าตาออกจะแปลกประหลาดไปหน่อย คือหัวโต ตากลมโต มักสวมหมวกขนาดใหญ่ คาดเข็มขัด และใส่เสื้อผ้าหน้าตาแปลกๆ ที่คล้ายกับชุดนักบินอวกาศ ที่ไม่คิดว่ามนุษย์ในสมัยนั้นจะแต่งตัวกันแบบนี้ ซึ่งก็มีบางทฤษฎีที่โยงไปว่าโดะงูก็คือรูปปั้นมนุษย์ต่างดาว
    แต่นักโบราณคดีก็ได้สันนิษฐานต่างจากทฤษฎีข้างต้นว่ามันไม่ใช่รูปปั้นมนุษย์ต่างดาว แต่เป็นสัญลักษณ์ของการตั้งครรภ์ ซึ่งก็คือ เทพมารดา สร้างขึ้นเพื่อบูชาเกี่ยวกับเรื่องการเกษตรพืชผล เพราะเพศหญิงนั้นสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ และการให้กำเนิดชีวิตใหม่นั่นเอง แต่ทฤษฎีนี้สุดท้ายก็ตกไป เนื่องจากนักโบราณคดียุคหลังพบว่า ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้เหมือนกับเป็น “ของเล่น” หรือเครื่องประดับทั่วๆ ไปในวัฒนธรรมของชาวโจมงเท่านั้นเอง ถูกพบปะปนอยู่ทั่วไปกับซากโบราณที่เป็นที่พักอาศัย หรือสุสาน

โดะงูแบบอื่นๆ
      ยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับโดะงูอีกชนิดหนึ่งนั้นก็คือ โดะงูบางชิ้นที่นักโบราณคดีบางส่วนค้นพบมีร่องรายการแตกหักที่ไม่น่าจะเกิดจากการสึกหรอตามกาลเวลา แต่มันถูกทำลายโดยผู้คนในสมัยนั้นหรือใกล้เคียงโดยนักโบราณคดีเองก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน และตุ๊กตาโดะงูก็หมดความนิยมไปหลังจากหมดยุคโจมงด้วยเช่นกัน



อ้างอิง
https://th.wikipedia.org
https://www.gotoknow.org
https://my.dek-d.com
http://travel.trueid.net


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น