ฟลายอิ้งดัชต์แมนได้รับการบันทึกจากที่ต่างๆ ตั้งแต่ศตวรรศที่ 17 และตั้งแต่นั้นจนถึงศตวรศที่ 20 ก็มักมีผู้พบเห็นเรือผีลำนี้อยู่มาก ซึ่งเรือฟลายอิ้งดัชต์แมนเดิมนั้น เป็นเรือบรรทุกสินค้าของชาวดัชต์ ซึ่งอยู่ในสังกัดของ บริษัท Dutch East India Company ภายใต้การควบคุมของกัปตันบนเรือฟลายอิ้งดัชต์แมน ก็คือ Van der Decken
Van der Decken กัปตันเรือ Flying Dutchman |
แต่ว่าในที่สุด ในปี ค.ศ.1680 เขาและลูกเรือทั้งหมดกำลังจะกลับไปยังอัมสเตอร์ดัม หลังจากทำงานให้บริษัท Dutch East India Company เสร็จ แต่ว่าระหว่างทางเรือของพวกเขาโดยพายุโหมกระหน่ำใส่ในบริเวรแหลมกู็ดโฮป แต่แทนที่เรือของพวกเขาจะเบนไปทางอื่นแต่ว่ากัปตันส่งให้มุ่งหน้าเข้าสู่พายุ และพวกเขาก้ได้ต่อสู้กับพายุเป็นเวลาหลายชั่วโมง พวกลูกเรือทำการกบฏภายในเรือแต่ทว่ากัปตันนั้นก็ยิงหัวหน้ากบฎคนนั้นจนตายแล้วโยนศพลงทะเล จากนั้นไม่นานเรือของพวกเขาได้ชนกับหินโสโครกแถวนั้นจนทำให้เรือจมลงไป แต่ก่อนที่เรือจะจมนั้น Van der Decken ก็ได้ตะโกนสาปแช่งให้กับเหล่าลูกเรือว่า "I will round this Cape even if I have to keep sailing until doomsday! ซึ่งมันแปลว่า "ข้าจะล่องเรือวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ไปจนกว่าโลกแห่งนี้จะถึงกาลอวสาร" แน่นอนว่าหลังจากเหตุการ์ณนั้นเรือฟลายอิ้งดัชต์แมน กัปตัน Van der Decken และลูกเรือทั้งหมดได้จมไปอยู่ใต้ก้นทะเลกันทุกคน แต่ทว่าเหตุการ์ณสยองของเรืองแห่งนี้พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น...
ในปี ค.ศ.1835 ลูกเรือของอังกฤษลำหนึ่ง ได้เผชิญหน้ากับเรือปีศาจ พวกเขาบันทึกไว้ว่า เรือปีศาจปรากฏขึ้นท่ามกลางลมพายุอันน่ากลัว แล้วแล่นตรงเข้ามาหาเรือของพวกเขา จนน่ากลัวว่าเรือทั้งสองลำจะพุ่งเข้าชนกัน แต่ในวินาทีนั้นเอง มันก็หายวับไป
ปี ค.ศ. 1881 เรือลำหนึ่งสัญชาติอังกฤษได้แล่นผ่านบริเวณแหลมกู๊ตโฮป ซึ่งเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นบนเรือนี้ถูกบันทึกโดยเจ้าชายจอร์ช (ต่อมาขึนครองราชย์เป็นพระเจ้าจอร์ชที่ 5) โดยเหตุการ์ณนั้น้มีอยู่ว่าลูกเรือคนหนึ่งมองเห็นเรือปีศาจลำนี้ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกโดยมีแสงสีแดงประหลาด สว่างเรืองออกมาจากทั่วลำเรือและอยู่ห่างไปในระยะ 200 หลา รุ่งเช้าของวันถัดมา ลูกเรือคนนั้นก็ประสบอุบัติเหตุจากเสากระโดงเรือจนเสียชีวิต และนอกจากเกตุการ์ณนี้ ในปีเดียวกันก็มีเรือสัญชาติสวีเดนมาพบด้วยเหมือนกัน ลูกเรือที่อยู่บนเสากระโดงเรือได้เห็นเรือต้องสาปลำนี้และจากนั้นไม่นานเขาก็ตกลงมาเสียชีวิต โดยก่อนที่จะเสียชีวิตนั้นเขาได้บอกกัปตันว่าเห็นเรือฟลายอิ้งดัชต์แมน กัปตันเรือจึงได้ส่งคนประจำเรือคนที่สองปีนขึ้นเสากระโดงเพื่อขึ้นไปดูและเขาก็ เสียชีวิตในอีกสองวันต่อมา
ต่อมาในปี ค.ศ.1939 มีคนมากกว่า 60 คนเห็นเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนแล่นออกจากชายหาดผ่านพวกเขาไปและแล่นหายไปในความมืดของทะเล เป็นเรื่องน่าแปลกที่พวกเขาต่างอธิบายรายละเอียดของเรือได้ถูกต้องตรงกัน ทั้งที่ไม่มีใครเคยเห็นเรือสินค้าในสมัยศตวรรษที่ 17 มาก่อนเลยสักคน
ในปี ค.ศ.1942 เรือรบหลวงสัญชาติอังกฤษ H.M.S. Jubilee ที่มีผู้บังคับการเรือ Nicholas Monsarrat ได้พบและพยายามส่งสัญญาณไปยังเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนแต่ก็ไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบกลับมา เขาจึงได้บันทึกไว้ในปูมเรือว่าพบเรือใบไม่ทราบประเภทชั้นเรือแล่นผ่านไปภายใต้ สภาวะที่ไม่มีกระแสลมพัดอยู่เลย
ในปี ค.ศ.1959 กัปตันเรือ Staat Magelhaen พบว่าเรือของเขากำลังมุ่งหน้าพุ่งเข้าชนกับเรืออีกลำหนึ่ง ซึ่งเรือลำนั้นก็คือเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน แต่พอเรือเข้าใกล้จะชน พวดเขาก็ต้องตกใจแบบสุดขึดเพราะว่าเรือฟลายอิ้งดัทช์แมนได้อันตธานหายไปในสายน้ำอันมืดทชมิดนั่นเอง และยังมีอีกหลายครั้งที่เมื่อเกิดพายุใหญ่ในบริเวณประภาคาร Cape light house ซึ่งจะมีบันทึกรายงานว่าได้พบเจอเรือฟลายอิ้งดัทช์แมนมาปรากฎให้เห็น ในพายุที๋โหมกระหน่ำเหมือนกับตอนที่เรือแหงนี้จมลงไปนั่นเอง
ปรากฎการ์ณ superior mirages ระหว่างเรือสองลำ |
นักวิทยาศาสตร์หรือนักวิชาการบางกลุ่มได้อธิบายถึงปรากฏการณ์ฟลายอิงดัตช์แมน ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางแสงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นมิราจหรือฟาตา มอร์กานา ที่เกิดจากการหักเห และการสะท้อน ที่พบเห็นในทะเลเท่านั้น แต่ก็เป็นหนึ่งในข้อสันนิษฐานเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเรือฟลายอิ้งดัชต์แมนก็เป็นหนึ่งในเรื่องแปลกและลึกลับเรื่องหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
อ้างอิง
https://board.postjung.com
https://en.wikipedia.org
http://www.unigang.com
https://talk.mthai.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น